ในปัจจุบันในยุคที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงได้จากทุกที่บนโลก โดยเฉพาะผ่านโทรศัพท์มือถือ ทำให้มีพื้นที่ในการโฆษณาชนิดใหม่เพิ่มขึ้นมา ในล่าสุดปี 2018 ค่าใช้จ่ายโดยรวมของอุตสหกรรมทั่วโลกกว่า 40 พันล้านเหรียญลงทุนไปกับการทำโฆษณาทั้งสิ้น ถือเป็นตัวเลขที่ทะลุยอดที่ลงทุนโฆษณาในทีวีโดยสิ้นเชิง โดยคิดเป็น 40 เปอร์เซ็นของมูลค่าทั้งหมดที่ใช้ทำโฆษณาบนโลกในอินเตอร์เน็ต โดยข้ามหัวรุ่นพี่ในทีวีไปในปีนี้เอง
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของอินเตอร์เน็ตยังคงขยายเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี มีคนเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตมากกว่าพันล้านคน และมีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา โดยจะพบเห็นโฆษณาได้ทั่วไปบนอินเตอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่คุณชื่นชอบอ่าน หรือเว็บดูวีดีโออย่าง Youtube ก็ยังไม่พลาดที่จะมีโฆษณาของตัวเอง และล่าสุดที่คงเป็นเรื่องของ Facebook ที่แต่ก่อนมีแต่คนชื่นชมที่ไม่เอาโฆษณาเข้ามา แต่สุดท้ายก็ต้องนำเข้ามาอยู่ดี จากตัวเลขที่มีผู้ลงทุนในการโฆษณาในสื่อโซเชียลมีเดีย คิดเพิ่มขึ้นเป็น 21 เปอร์เซ็นต์ หรือเป็นเงินกว่า 58 พันล้านเหรียญ ในระหว่างที่โฆษณาประเภทวีดีโอเพิ่มขึ้นอีก 19 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2018 เป็นเงินกว่า 32 พันล้านเหรียญ และสุดท้าย 42 เปอร์เซ็นต์กับบริการค้นหาเสิร์ชเอนจินที่มีชื่อเสียงอย่าง Google ที่เป็นเจ้าที่ครองตลาดอันดับ 1 คิดเป็น 95 พันล้านเหรียญในปัจจุบัน
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าการเติบโตเป็นผลมาจากมือถือ ซึ่งเติบโตกว่าจาก 25 เปอร์เซ็นเป็น 60 เปอร์เซ็นในปีนี้ในกลุ่มของอินเตอร์เน็ต และ 24 เปอร์เซ็นของโฆษณาทั่วไป ถ้าเรากลับมาดูตัวเลขโดยรวมทั้งหมดแล้วคิดเป็น 5 เปอร์เซ็นของการเติบโตทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะตีเป็นมูลค่ากว่า 579 พันล้านเหรียญในท้ายปี 2018 การเติบโตส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลงทุนในตลาดจีน ฟิลิปปินส์ อาร์เจนตินา และไอร์แลนด์ ที่เปิดตลาดลงทุนขนาดใหญ่รองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องลงทุนในการโฆษณาในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
คาดว่าเป็นยังเติบโตแบบนี้อีกต่อไปในอีก 3 ปีข้างหน้า ตัวเลขงบประมาณการโฆษณาอาจพุ่งสูงสุดถึง 1 หมื่นล้านเหรียญในที่สุด และมีทีท่าว่าจะไม่หยุดอีกด้วย โดยเฉพาะในประเทศสหัรฐอเมริกา และประเทศจีน ทั้งสองเป็นประเทศที่มีการลงทุนในด้านโฆษณามากที่สุดบนโลก รองลงมาคือ อินโดนีเซีย อินเดีย อังกฤษ ญี่ปุ่น บราซิล รัสเซีย และเยอรมัน แต่ในทางกลับกันในส่วนของการโฆณาของกลุ่มหนัง นิตยาสาร และอื่น ๆ ลดลงอย่างมากจนน่าตกใจ เพราะสื่อส่วนใหญ่เหล่านี้มีฐานลูกค้าที่ลดลงมากในทุกปี และไม่นานก็คงจะยุติบทบาทลงไปในที่สุด